John Marsden กล่าวไว้ว่า “การไม่เสี่ยงอะไรเลยคือความเสี่ยงที่สุด” เพราะในชีวิตจริงไม่มีอะไรมารับประกันคุณหรอกว่าคุณจะ “มั่นคง” จริงๆ โลกมันหมุนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เด็กๆรุ่นใหม่ที่เก่งกว่า มีความรู้มากกว่า มีไฟมากกว่าพร้อมจะเข้ามาแทนที่คุณได้ทุกเมื่อ อีกอย่าง เด็กรุ่นใหม่ค่าจ้างถูกกว่าด้วย… การที่คุณติดอยู่กับความสบาย ความเคยชิน และอะไรหลายๆอย่างใน Comfort Zone ของคุณ จะทำให้สุดท้ายแล้วคุณจะไม่สามารถก้าวหน้าเลย เพราะคุณรู้สึกว่าทำไมต้องเปลี่ยนแปลงด้วยล่ะในเมื่อที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว
ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักกับ Comfort Zone ว่ามันคืออะไรกันแน่?
คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่อธิบายว่า comfort zone คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับระดับความกังวลของคนเรา comfort zone คือพฤติกรรมของเราที่ทำให้เรามีความกังวลน้อย อย่างเช่นสิ่งที่คุณทำเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร ดูทีวี กิจกรรมอะไรก็ตามที่คุณเคยชินกับมันไปแล้ว ไม่ทำให้คุณกังวลที่จะทำและรู้สึกสบายใจที่จะทำ พฤติกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของ comfort zone
คนเราทุกๆคน จะมีการสร้างพื้นที่ Comfort zone ขึ้นมาในจิตใจของตนเอง เนื่องจากเราต้องการที่จะอยู่ในที่ๆปลอดภัย มั่นคง สบายใจ และ ไม่เสี่ยง ซึ่งการสร้าง Comfort zone นี้ทำให้เรามีขอบเขตบางอย่างขึ้นมากั้นตัวเราเอาไว้ไม่ให้ก้าวออกไปนอกอาณาเขตของเราเอง ในแง่ของการทำงาน การทำธุรกิจ ทุกๆคนก็จะมีการสร้างอาณาเขตลักษณะนี้ไว้เช่นกัน เช่น
พนักงานประจำบางคน จะมีความพอใจในงานของตัวเอง เนื่องจากอยู่มานานจนเคยชิน กับการทำงาน, กฏระเบียบองค์กร และ สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน พออยู่ไปนานๆก็ไม่กล้าที่จะรับหน้าที่ใหม่ๆ ไม่อยากเปลี่ยนงาน ย้ายงาน หรือ ออกไปทำธุรกิจของตนเอง ก็อยู่อาณาเขตของตนเองแบบนั้นไปเรื่อยๆจนเกษียณ โดยที่ไม่ได้มีการพัฒนาหรือก้าวหน้าใดๆเนื่องจากไม่กล้าที่จะออกไปนอก Comfort zone
ในแง่ของธุรกิจ บางองค์กรมักจะเคยชินอยู่ในรูปแบบเดิมๆ โครงสร้างธุรกิจเดิม การค้าขายแบบเดิมๆ โดยคิดว่าที่ทำมาก็ดีอยู่แล้ว ทุกอย่างก็โอเค อยู่แบบนี้ก็สบายดี มีรายได้มาเรื่อยๆ ลูกค้าก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ ผู้บริหารองค์กรที่อยู่ในแต่กรอบของตัวเอง ก็จะไม่พยายามที่จะเปลี่ยน หรือทำอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยทำ หรือมีความเสี่ยง เพราะกลัวว่าจะลำบาก หรือ จะทำได้ไม่ดีหากก้าวออกไปทำในสิ่งใหม่ๆ
ความน่ากลัวของ Comfort Zone ก็คือ การที่มันจะทำให้เราสบายจนชิน เมื่อชินแล้วก็จะเริ่มกลายเป็นความเฉื่อยชา ความขี้เกียจ ทำให้เราไม่พัฒนาตัวเอง ไม่คิดอะไรใหม่ ไม่ทำอะไรใหม่ หยุดอยู่กับที่ หลายๆองค์กรอยู่ใน Comfort zone จนเคยชิน พอวันนึงมีคู่แข่งที่ทำอะไรใหม่ๆในตลาด หรือ สถานการณ์ในโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไป องค์กรนั้นๆก็อาจจะเจอกับวิกฤติที่อาจจะถึงขั้นล้มละลายได้ ซึ่งปกติองค์กรที่จะเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ คือ องค์กรที่เริ่มสร้างตัวมาได้สักระยะ เริ่มประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนั้นกลับไม่มีการปรับตัวหรือพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป เช่น บริษัท Nokia, Blackberry ที่ปัจจุบันโดน Takeover กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่การที่เราจะก้าวออกไปนอก Comfort zone นั้นก็ไม่ง่ายนัก เพราะภายนอกความสบาย เราจะต้องเจอกับความลำบาก ความไม่เคยชิน และ เจอกับอุปสรรคอีกนานานัปการ แต่ความสำเร็จต่างๆ มักจะอยู่ตรงนั้น ซึ่งถ้าเราไม่ก้าวออกจากพื้นที่ Comfort zone เราก็ไม่มีทางที่จะพบกับความสำเร็จอย่างแน่นอน
ปรัชญาทางตะวันตก จะมีคำพูดอยู่ว่า “Life Begins at the End of you Comfort Zone” ซึ่งแปลว่า การใช้ชีวิตจริงๆนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อคุณเริ่มก้าวออกจากเขต comfort zone ของคุณ
แล้วเหตุผลอะไรที่คุณต้องออกจาก Comfort Zone ด้วยล่ะ? อืม… คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อสิ่งที่ผมบอกก็ได้ แต่ลองพิสูจน์ด้วยตัวของคุณเอง คุณจะทำหรือไม่ทำ ผมก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับชีวิตคุณ
Comfort Zone เปลี่ยนตัวตนที่แท้จริงของคุณ
คุณเคยได้ยินมั้ยครับว่า คุณเป็นในสิ่งที่คุณกิน นิสัยของคุณก็เหมือนกัน คุณเป็นในสิ่งที่คุณทำ นั่นล่ะครับ ถ้าคุณขี้เกียจ สมองของคุณก็จะทำงานรูปแบบเดิมๆ ตามนิสัยที่ขี้เกียจของคุณ แล้วมันก็เริ่มสร้างนิสัยแห่งความสบายและความขี้เกียจขึ้นในตัวคุณ หุหุ ฟังดูน่ากลัวชะมัด แต่เมื่อไหร่ก็ตามถ้าคุณลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างที่ผิดแปลกไปจากเดิม สมองก็จะเริ่มสร้างเส้นทางใหม่ๆ นิสัยใหม่ๆขึ้นมา แต่มันยากหน่อย เพราะนิสัยเก่าๆจะคอยขวางอยู่ แต่ทุกครั้งที่คุณทำสิ่งใหม่ๆไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ สิ่งใหม่ที่คุณทำก็จะง่ายขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน พร้อมกับนิสัยใหม่ที่จะควบคุมนิสัยเก่าๆที่แสนขี้เกียจของคุณ พยายามหน่อยล่ะครับ!
Comfort Zone ทำให้คุณไม่เติบโตสักที
เพราะอะไรรู้มั้ยครับ? Comfort Zone ทำให้คุณรู้สึกสบายไงครับ แล้วเวลาที่เราสบายอยู่แล้วเนี่ย มีใครบ้างครับที่จะอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือพัฒนาตัวเอง คนเราเวลาสบายก็อยากอยู่สบายๆแบบนั้นไปตลอดกันทั้งนั้น แต่ยิ่งคุณก้าวออกจาก Comfort Zone ได้เร็วเท่าไร คุณก็จะเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้นแหละ เพราะคนอื่นมัวแต่สบายอยู่ใน Comfort Zone ไงล่ะ!
Comfort Zone ทำให้คุณขี้เกียจ
บอกผมหน่อยเถอะ ว่ามีใครบ้างที่ประสบความสำเร็จโดยที่ไม่ก้าวออกมาจาก Comfort Zone ผมบอกเลยถ้ามีนะ คนๆนั้นโกหกคุณอยู่! เวลาที่คุณพอใจในชีวิตคุณแล้วเนี่ย คุณก็จะไม่พยายามเหมือนเดิม ประโยชน์ของ Comfort Zone มีอย่างเดียวคือ คุณไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง! เพราะคุณพอใจในชีวิตคุณแล้วไง แล้วสำหรับคนที่ต้องการประสบความสำเร็จล่ะต้องทำยังไง ง่ายๆครับ ก้าวออกมาจาก Comfort Zone ซะ
วิธีก้าวออกจาก Comfort Zone
ถ้าคุณพร้อมที่จะก้าวออกมาจาก Comfort Zone แล้วล่ะก็ ให้ลองทำทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เช่น
1. เรียนรู้ภาษาใหม่
นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการพาตัวเองออกมาจาก Comfort Zone แล้ว ลองศึกษามันทุกๆวันเป็นการเพิ่มความรู้และคุณค่าแก่ตนเองไปด้วยในเวลาเดียวกัน
2. ท่องเที่ยวไปที่ใหม่ๆ
การเดินทางออกไปท่องเที่ยวยังที่ใหม่ๆเป็นการเปิดมุมมองของคุณเอง และช่วยให้คุณเติบโตขึ้นได้ โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวคนเดียว
3. ทำสิ่งที่คุณยังไม่เคยทำ
ลองทำในสิ่งที่คุณไม่เคยทำหรือสิ่งที่คุณกลัวที่จะทำมันในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เพราะยิ่งคุณกล้าเผชิญหน้ากับความกลัวในตัวของคุณเองเท่าไร ความกลัวนั้นจะค่อยๆหายไป และคุณก็จะเติบโตขึ้น
แน่นอนว่าการก้าวออกจาก Comfort Zone ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่มันเป็นเรื่องดีที่คุณจะบังคับตัวเองให้ผ่านความรู้สึกนั้นไปได้ แล้วคุณจะมีความสุขกว่าเดิม ประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม ถ้าคุณก้าวออกมาได้จริงๆ
Credit:http://thinkdifferent.in.th/